ถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนักแบบไม่ต้องพยายามแล้วล่ะก็... ข่าวดีก็คือการนอนให้เยอะขึ้นก็มีส่วนช่วยให้คุณรักษาหุ่นได้ เพราะการอดนอนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการหิว ทั้งยังไปลดปริมาณฮอร์โมน Leptin ที่มีฤทธิ์ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่ม มหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้เผยผลการวิจัยว่าคนที่นอนมาอย่างเพียงพอจะกินอาหารน้อยกว่าคนที่นอนไม่พอถึง 300 กิโลจูล
2.การกินอาหารเช้าสามารถช่วยหยุดความอยากกินของจุบๆจิบๆไปตลอดทั้งวันได้

แม้ว่าคุณอาจจะไม่อยากหรือไม่ค่อยมีเวลา แต่การกินอาหารเช้าสามารถช่วยหยุดความอยากกินของจุบๆจิบๆไปตลอดทั้งวันได้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในอิสราเอลพบว่าผู้ที่กินอาหารเช้าให้พลังงาน 2,520 กิโลจูล ต่อด้วยอาหารกลางวันแบบเบาๆและอาหารเย็น จะสามารถลดน้ำหนักลงได้มากกว่าผู้ที่กินอาการเช้าที่ให้พลังงานแค่ 1,260 กิโลจูล ถึง 18 กิโลกรัม ซึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่ายกายจะทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าในอาหารมื้อเช้า เลยทำให้คนที่กินมื้อเช้าอิ่มๆสามารถลดความอยากกินอาหารในมื้อต่อๆไปของวันได้
3.การจำกัดชนิดอาหาร

เราๆทุกคนคงรู้กันดีว่าการจำกัดชนิดอาหารนั้นมันทรมานแค่ไหน แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเลิกกินอาหารจานโปรดไปซะหมดเพื่อที่จะลดน้ำหนักหรอก ลองใช้กฎ 80:20 ดู โดยให้คุณกินอาหารแบบเพื่อสุขภาพซัก 80% ต่อมื้อ ส่วนที่เหลืออีก 20% ก็เชิญคุณกินอะไรได้ตามใจเลย วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมน้ำหนักได้โดยไม่รู้สึกว่าชีวิตคุณขาดอะไรซักอย่างไปมากนัก
4. การกินอาหารที่มีไขมันแบบไม่อิ่มตัวสูง กินไขมันดี

หลายๆคนคงจะคิดว่าอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะต้องมีแต่พวกที่มีไขมันต่ำเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้ว คุณไม่จำเป็นจะต้องหลีกหนีไขมันไปซะทุกอย่าง เพราะไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ที่พบได้ในอาหารจำพวกถั่ว อโวคาโด หรือน้ำมันมะกอก สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ จริงอยู่ที่ยังไงคุณก็ต้องควบคุมการกินไขมัน แต่ผลการวิจัยได้เผยว่าการกินอาหารที่มีไขมันแบบไม่อิ่มตัวสูง (และมีปริมาณไขมันอิ่มตัวต่ำ) จะช่วยทำให้คุณลดน้ำหนักได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของหน้าท้อง
5.เลือกกินอาหารอยู่ท้อง

หลายๆคนพยายามควบคุมอาหารด้วยวิธีการที่ผิดๆเช่นการกินอาหารน้อยเกินไป แล้วก็ต้องล้มเลิกเพราะว่าถูกความหิวจู่โจม การควบคุมอาหารไม่ควรทำให้คุณต้องทรมานเช่นนั้น วิธีง่ายๆก็มีอยู่ว่า ให้คุณเลือกกินอาหารที่อยู่ท้อง ยกตัวอย่างเช่น มันฝรั่ง ปลา ธัญพืช แอปเปิล ถั่ว หรือป็อปคอร์น อะไรทำนองนั้น
6. การค่อยๆกินจะช่วยให้คุณเริ่มรู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น

แทนที่จะโฟกัสเรื่องปริมาณอาหาร ก็ให้คุณลองไปโฟกัสที่ความเร็วในการกินของคุณแทน ปกติแล้วคนทั่วไปจะเริ่มรู้สึกอิ่มได้หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ดังนั้นการค่อยๆกินจะช่วยให้คุณเริ่มรู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในนิตยสารการแพทย์ American Journal of Clinical Nutrition เผยว่า ผู้ที่เคี้ยวอาหาร 40 ครั้งขึ้นไปจะกินอาหารที่ให้พลังงานน้อยลงถึง 15% เมื่อเทียบกับผู้ที่เคี้ยวเพียง 15 ครั้ง
7. ใส่ใจกับอาหารของคุณกำลังกินอยู่

ในขณะที่คุณใช้เวลากินอาหารให้มากขึ้น คุณก็ต้องใส่ใจกับสิ่งที่กำลังกินอยู่ด้วยเช่นกัน ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในนิตยสารการแพทย์ British Journal of Nutrition เผยว่า การกินอาหารแบบไม่ใจจะทำให้คุณละเลยสัญญาณของร่างกายที่บอกว่าตัวคุณเองอิ่มแล้ว ดังนั้นคุณก็ควรโฟกัสกับอาหารที่กำลังกินอยู่ แทนที่จะมัวแต่ดูทีวีหรือจิ้มมือถือระหว่างที่กินอาหารอยู่นั้น
8. การลดเครื่องเคียงทั้งหลาย

แทนที่จะลดปริมาณอาหารมื้อหลัก คนสามารถลดน้ำหลักลงได้ด้วยการลดเครื่องเคียงทั้งหลาย คุณสามารถลดน้ำตาล ซอสมันๆพลังงานสูง หรือน้ำมันปรุงอาหารลงได้ แล้วไปหาอะไรอื่นที่ให้พลังงานน้อยกว่ามาทดแทน ยกตัวอย่างเช่นการลงทุนใช้กระทะแบบกันติดจะช่วยให้คุณลดปริมาณน้ำมันลงได้มากเลยนะ
9.การแบ่งกินอาหารเป็นมื้อเล็กๆ

แม้การกินบ่อยขึ้นจะฟังดูไม่ค่อยดีนักสำหรับผู้ที่อยากลดน้ำหนัก แต่การแบ่งกินอาหารเป็นมื้อเล็กๆ 5 มื้อ (แทนที่จะเป็น 3 มื้อหนักๆ) จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้ เพราะมันจะช่วยลดโอกาสการกินมากเกินไป ทำให้คุณรู้สึกอิ่มน้อยๆได้นานขึ้น ส่งผลให้คุณลดปริมาณการกินอาหารทั้งวันลงได้
10.การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

วิธีที่เห็นผลที่สุดในการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องควบคุมอาหารก็คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่ไม่ใช่แค่ช่วยคุณเผาผลาญพลังงาน แต่ยังช่วยให้หุ่นคุณดูดีขึ้นด้วย หากต้องการลดน้ำหนักก็ขอแนะนำกายบริหารประเภทวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือการเล่นกีฬาแบบเป็นทีม ใช้กล้ามเนื้อช่วงต้นขา บั้นท้าย หน้าอก และหลังบ่อยๆ เพิ่มการเผาผลาญพลังงานให้คุณหุ่นสวยขึ้นได้อย่างที่หวัง
ที่มา: http://www.realbuzz.com/