
เคยสับสนอลหม่านใจกันบ่อยไหม เมื่อเปลี่ยนสถานะภาพและสภาวะ จากคนธรรมดามาเป็นบุคลากรในองค์กรที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ต้องแต่งตัว ต้องเดินทาง ต้องพบปะผู้คน ระหว่างการเดินทาง ระหว่างองค์กรที่แตกต่างแต่อยู่ในบริเวณ หรืออาคารเดียวกัน
รวมทั้งต้องออกไปพบปะลูกค้า ร่วมประชุมนอกสถานที่ บทบาท และหน้าที่ เปลี่ยนแปลงไปจากการทำอะไรตามใจตนเอง มาเป็นต้องรับรู้ รับทราบ รับฟัง เปิดใจ ปรับเปลี่ยน ท่าที ทีท่า การแสดงออก และที่สำคัญที่สุด คือ การแต่งกาย
เมื่อผันตัวเองมาเป็น “สาวทำงาน” หรือเรียกให้โก้ก็ Working Woman แต่จริงๆ น่าจะเรียก “สาวทำมาหากิน” (Career Woman) มากกว่า (เพราะต้องหาเงินเอาไว้ใช้ส่วนตัว ลดภาระพ่อแม่ หรือสามี)
เอาละ พอมาเป็น Working Woman ก็ต้องมีชีวิต อย่างน้อย 8 ชั่วโมงอยู่ในแวดวง “ที่ทำงาน” (Workplace) ซึ่งคงมิได้หมายความแค่ในที่ทำงานขององค์กร แต่รวมหมด ทั้งพื้นที่ปฏิบัติการงาน นอกสถานที่
จากรูปแบบวิธีการใช้ชีวิตแบบ Personal Lifestyle และเลือกแสดงออก ใส่เสื้อผ้าสะท้อนความเป็นส่วนตน หรือภาพลักษณ์ส่วนตน (Personal Image) ก็ต้องมาปรับกัน ถึง 2 ระดับ คือ
ระดับแรก เราจบการศึกษามาด้านใด มาสมัครงานด้านใด และการงานนั้นเกี่ยวกับอะไร ตรงนี้เป็น “วิถีชีวิต ทาง วิชาชีพ” (Career Lifestyle) ที่อาจซึมซับมาตั้งแต่การเรียนในมหาวิทยาลัย รวมทั้งเรียนที่มหาวิทยาลัยใด แต่ละวิชาชีพ จะมีบทบาท หน้าที่ แตกต่างกัน และสะท้อน Character ต่างกัน รวมไปถึงรสนิยม (Style) และค่านิยม (Influence) ที่แตกต่างกัน
|
เมื่อมาทำงานในสายอาชีพใด ก็จะต้องปรับทีท่า ลีลา และภาพรวมให้สะท้อนภาพลักษณ์ทางอาชีพนั้นๆ ให้ชัดเจน (Your Right Career Image)
อันดับสอง เรามาสมัครงาน และได้รับการคัดเลือกให้ทำงานในสายงาน ซึ่งตรงกับวิชาชีพที่เรียนมาในองค์กร มีบรรยากาศการตกแต่งสถานที่ ทำเลที่ตั้ง ปรัชญาและวัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนภาพรวมของภาพลักษณ์องค์กร (Corporate Image) นั้นๆ เป็นอย่างไร ผู้บริหารมีความสนใจและใส่ใจ “เฟอร์นิเจอร์เคลื่อนที่ได้ในสำนักงาน คือ บุคลากร แค่ไหน”
หมายความ ว่าจากตัวตนที่คุ้นเคยปรับให้ตนเองตรงกับอาชีพที่จะทำ ยังต้องเข้าใจอีกด้วยว่า การงานทางอาชีพที่เรามาทำในองค์กรนั้น จะต้องปรับภาพรวมของตนเอง ทั้งภายภายใน (Internal) และภาพภายนอก (External) ให้สัมพันธ์กับภาพรวมของภาพลักษณ์องค์กรนั้นๆ ด้วย (Your Right Corporate Image)
สภาวะการปรับตัว 3 ระดับต่อเนื่อง เมื่อมามีชีวิตเป็น Working Woman หรือ Career Woman ความสับสนในชีวิตประจำวัน สรุปได้เลยว่า คือ การมองเห็นตนเอง และความรู้สึกที่ตนเองถูกมองเห็นจากผู้คนรอบด้าน ที่สะท้อนเป็นอารมณ์และความรู้สึกหลากระดับ จากรูปแบบและสไตล์การแต่งกาย
รหัส 3 รูปลักษณ์ที่สาวทำงานต้องแต่ง คุณอยู่ในรหัสใด ?
1. Uniform เรียกว่า เครื่องแบบ หรือแบบฟอร์ม เป็นสไตล์การแต่งกายที่องค์กรกำหนดแบบเบ็ดเสร็จ ทั้ง เนื้อผ้า สีสัน รูปแบบดีไซน์ คือ ทุกคนแต่งเหมือนกันหมด
2. Unity ให้ความรู้สึกเหมือนมีอิสระ เพราะองค์กรจะกำหนดแค่เนื้อผ้า สีสัน ลวดลาย หรือบางทีก็ชิ้นส่วนหลักที่ต้องมี ด้านรูปแบบดีไซน์ บุคลากรไปเลือกเองตามรสนิยม และค่านิยมของแต่ละคน
3. Freestyle อิสรเสรีภาพที่สุด คือ องค์กรไม่สนใจ ให้ทุกคนเลือกแต่งตัวตามสไตล์ที่ตนเองชอบ แบบอะไร สีสัน ลวดลายอย่างไร ไม่จำกัด
ความแตกต่างที่ทำให้ต้องยอมรับ หรือจำใจยอมรับ ในรหัสแรก
Uniform และรหัสสอง Unity คือ ไม่ต้องเสียเงินค่าผ้า และค่าตัด หรือมีงบค่าตัดขั้นต่ำให้ ตรงนี้ทุกคนต้องยอมรับในเนื้อผ้า สีสัน ลวดลาย และรูปแบบดีไซน์ที่ผู้บริหารร่วมตัดสินใจกัน ซึ่งบางครั้งก็ ไม่รู้ว่า “มันบาดหัวใจ คนใส่เกือบทั้งองค์กร”
ด้วยเจตนาของผู้บริหารที่ต้องการแต่งแบบ Uniform “ภาพรวมเดียวกันด้วยสีสัน ลวดลาย รูปแบบดีไซน์” ก็จะได้ภาพรวมแค่ชิ้นส่วนเสื้อผ้า แต่มีองค์ประกอบอื่นที่ทำให้เกิดผลบวกลบ กับภาพที่ผู้บริหารคาดหวัง ก็คือ สไตล์การทำผม แต่งหน้า เลือกรองเท้า กระเป๋าถือ เครื่องประดับ กิริยา ท่าทางที่ แตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์แต่ละคน
ส่วนในการกำหนดให้แต่งแบบ Unity “มองโดยรวมเป็นพวกเดียวกัน เพราะมีสีสันและลวดลายเดียวกัน” ก็ได้เห็นตามที่อยากเห็น แต่ส่วนที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อนว่าจะได้เห็นก็จะได้เห็นกันจะจะ คือ แฟชั่นโชว์ หลากดีไซน์ หลากสไตล์ ในการที่แต่ละคนไปเลือกรูปแบบดีไซน์ที่ตรงตามความพึงพอใจส่วนตัว หรือกลุ่มที่จะมีความหลากหลาย เรียบง่าย หวือหวา รุ่มร่าม เลอะเทอะ ปะปนกันไปหมด ยังไม่รวมหน้าตา ทรงผม รองเท้า กระเป๋าถือ และเครื่องประดับที่มามีส่วนร่วมในการสร้างภาพบวกเกินไป หรือภาพลบยิ่งขึ้น
ที่สนุกที่สุด ในการได้เห็นภาพรวมของการแต่งกายของ Working Woman ทั้งหลาย ที่ผู้บริหารไม่ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าผ้า ค่าตัด คือ การให้อิสระในการเลือกสไตล์การแต่งกาย สาวๆ ที่มีงบฯก็เริงร่า ตอนพักกลางวันก็ไปเสียเงินซื้อหา ชิ้นส่วนเสื้อผ้าใหม่ๆกัน ส่วนคนที่มีงบฯน้อยก็หันไปมองหาเสื้อผ้ามือสอง หรือระดับแบกะดิน อาศัยมีสไตล์ส่วนตน ก็นำไปผสมผสานให้ดูดี ตามที่ตนเห็นว่าดูดี
การแต่งกายไปใช้ชีวิตประจำวันใน “ที่ทำงาน (Workplace)” กลายมาเป็นภารกิจสุดหงุดหงิด ทั้งก่อนนอนและตอนเช้าของการเลือกแต่งให้โดนใจตนเองเป็นหลัก อะไรคือ “ความหงุดหงิด” ก็อยากแต่งให้ดูมีสีสัน ก็ต้องมาใส่แต่ Uniform เดิมๆ หรือใส่สไตล์ Unity สีสันลวดลายเดิมๆ สองกลุ่มแรกหงุดหงิดตรงนี้
ส่วนกลุ่มที่แต่งแบบ Freestyle หงุดหงิดด้านแต่งอย่างไรให้ไม่ซ้ำแบบ ครั้นจะแต่งให้หลากหลาย ก็ต้องเดือดร้อนกระเป๋าเงิน ก็เลยวุ่นกับการ Mix & Match กับสิ่งที่มีอยู่เดิมๆ
คนทั้ง 3 กลุ่มก็เลยไปหาทางออก กับทรงผม แต่งหน้า เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า และเวลาเลือกซื้อก็ ยึดความแตกต่างที่อยากได้ โดยอาจไม่ได้ดูความสัมพันธ์กับเสื้อผ้าที่ต้องใส่ หรือที่มีอยู่เดิม พอแต่งเสร็จสรรพ ส่องกระจกมองเฉพาะทรงผมหน้าตา เครื่องประดับ เพราะเป็นจุดตื่นเต้น ก็เลยพาลมองไม่เห็นส่วนอื่นๆ ก็โอเค สุขใจ ไม่หงุดหงิดแล้ว
แต่ปรากฏว่าภาพรวมที่เกิดไปสร้างมลภาวะ ให้คนอื่น และบรรยากาศที่ที่ทำงาน เพราะภาพรวมเป็น ภาพลักษณ์ที่อาจ ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ทางวิชาชีพ หรือภาพลักษณ์องค์กร
ทางออกเพื่อเยียวยา ความสับสน และไม่ลงตัว เห็นทีต้องหาแยกหมวดหมู่ชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งหมด
ถ้าเป็น Uniform คงต้องปรับแต่งสไตล์ทรงผม และหน้าตาที่ให้ความรู้สึกหลากหลาย แต่อยู่ในสไตล์ที่ไปกันได้กับ เครื่องแบบที่ใส่อยู่
ถ้าเป็น Unity ก็คงต้องหันมากำหนดชิ้นส่วนหลักร่วมกันว่า หากเป็นกางเกง น่าจะเป็นดีไซน์ใด หรือรูปทรงใด หรือกระโปรงจะมีดีไซน์ที่หลากหลายอย่างมีขอบเขตอย่างไร
จำเป็นไหมที่ต้องมีเสื้อใส่คลุมที่จะต้องเป็นแค่สไตล์ “สูทเทียม” เสื้อตัวในน่าจะมีลูกเล่นได้หลากหลาย ปรับแบบผม แต่งหน้า เลือกรองเท้ากระเป๋าถือ ที่ต้องดูสีสันของผ้าและลวดลายหลัก อย่าฉีกแนวจนหลุดล้ำเกินไป
สาวๆ ที่แต่งตัว Freestyle ต้องปรับอารมณ์หลักครั้งสำคัญ คือ อิสระที่เรามีนั้นน่ะ-ใช่ แต่เราแต่งกายไปอยู่ในที่ใด บรรยากาศการตกแต่ง ลักษณะธุรกิจ หน้าที่การงานเป็นอย่างไร
แต่ที่แน่ๆ ที่ต้องคำนึงถึง คือ คำว่า Working Woman หรือ Career Woman ควรดูดีเหมาะสม ลงตัวกับบทบาทของคนมานั่งทำงาน หรือไปติดต่องานที่ขายที่ตัวเนื้องาน มากกว่าการแต่งกายที่ออกไปในแนวหวือหวา เซ็กซี่ จนคนรอบด้านไม่ยอมทำงาน คนที่ไปติดต่อ ไม่ได้สนใจเนื้องาน นั่งฝันถึงเนื้อนวลเนียนของเรามากกว่างาน
ความสับสนใจคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากปรับใจยอมรับกับภาพรวมที่ควรจะต้องเป็นปรับแต่ง ให้สัมพันธ์กับภาพรวมที่เราน่าจะปรับได้ เป็นตัวเราที่ใช่ Working Woman
อย่ายึดตัวตนจนเกินงามนะครับ !
|
ค้นหา [อุปกรณ์แปรรูปอาหารทั้งหมด] [เครื่องบดอาหาร-เครื่องบดต่างๆ] [เครื่องบดพริกแกง ขนาดใหญ่ เครื่องบดสมุนไพร เครื่องบดเครื่องแกง เครื่องบดอาหารชนิดเปียก] [เครื่องบดพริกแกง ขนาดกลาง เครื่องบดอาหารเปียก/เครื่องบดอาหารแห้ง] [เครื่องบดอาหารผง ขนาดใหญ่ เครื่องบดชนิดผง เครื่องบดเครื่องเทศ เครื่องบดพริกแห้งผง เครื่องบดสมุนไพรผง] [เครื่องโม่ ขนาดเล็ก เครื่องบดยา เครื่องบดละเอียด เครื่องบดอาหารผง เครื่องโม่บดยาผง] [เครื่องบดละเอียดต่อเนื่องสเตนเลส เครื่องบดเครื่องเทศผง] [เครื่องบดอาหารสเตนเลส เครื่องบดเนื้อ เครื่องบดหมู เครื่องบดโครงไก่สเตนเลส] [ตู้อบลมร้อน ตู้อบลมร้อนไฟฟ้า ตู้อบลมร้อนแก๊ส ตุ้อบลมร้อนอินฟราเรด ตู้อบลมร้อนอัตโนมัติ ตู้อบแก๊ส เตาอบแก๊ส เตาอบไฟฟ้า] [เครื่องปั่นแยกกาก เครื่องสลัดน้ำมัน เครื่องสลัดน้ำผลไม้ เครื่องแยกกาก] [กระทะกวนมาตรฐาน กระทะกวนชั้นเดียว กระทะกวนผสม] [เครื่องอบอาหาร หม้อทอด ถังกวนอาหาร หม้อกวนผสมอาหาร หม้อกวนอาหาร เครื่องผสม ถังกวนผสมอาหารและถังกลั่น] [เครื่องคั้นน้ำแยกกากแยกน้ำ-เครื่องคั้นกะทิเกลียวอัด เครื่องคั้นไฮโดรลิค] [เครื่องคั้นน้ำผลไม้ เครื่องคั้นน้ำกะทิ เครื่องคั้นกะทิ เครื่องคั้นน้ําผลไม้ เครื่องคั้นน้ํากะทิ เครื่องปั่นแยกกาก] [เครื่องขูดมะพร้าว เครื่องขูดเนื้อผลไม้] [เครื่องกะเทาะกะลา] [เครื่องผสมอาหาร-เครื่องผสมยาทรงลูกเต๋า เครื่องผสมแป้งผง] [ถังปั่นบดย่อยอเนกประสงค์ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ถังปั่นน้ำผลไม้ เครื่องปั่นเกล็ดหิมะ เครื่องปั่นน้ําผลไม้ เครื่องปั่นผลไม้ เครื่องปั่นอาหาร เครื่องปั่น] [เครื่องบดอาหาร] [ตู้อบลมร้อน เครื่องทอด เครื่องผสมอาหารต่างๆ เครื่องกวนและตู้อบสมุนไพร] [เตาอบแห้งเมล็ดพืช เตาอบแก๊ส เตาอบแห้งสมุนไพร] [เครื่องผสมอาหาร เครื่องผสมผงแห้งทรงลูกเต๋า เครื่องผสมแห้ง เครื่องผสมแป้งแห้ง เครื่องผสม] [เตาอบแห้งขนาดกลาง เตาอบแห้งราคาประหยัด] [เครื่องหั่นย่อยกิ่งไม้ เครื่องบดย่อย เครื่องย่อยกิ่งไม้] [เครื่องเคลือบคาราเมล เครื่องเคลือบลมร้อน เครื่องเคลือบน้ำตาล] [เครื่องหั่นตะไคร้ เครื่องหั่นผัก เครื่องสไลด์] [เครื่องดึงใยมะพร้าว] [เครื่องรีดแป้งขนมปัง] [เครื่องนึ่งฆ่าเชื้ออาหาร ถังนึ่งฆ่าเชื้อ หม้อนึ่งฆ่าเชื้อ] [เครื่องคั่ว เครื่องคั่วพริก เครื่องคั่วหมูหยอง เครื่องคั่วเกาลัด] [เครื่องอบ เครื่องทอด เครื่องกวนผสม ถังกวนผสมและกลั่น] [เครื่องบด] [เตาอบแห้งเมล็ดพืช] [เครื่องเหวี่ยงแยกน้ำ เครื่องสลัดน้ำผัก เครื่องสลัดน้ำมัน เครื่องแยกกาก] [เครื่องพาสเจอร์ไรซ์น้ำผลไม้ เครื่องพาสเจอร์ไรซ์น้ำผลไม้ ถังพาสเจอร์ไรซ์ เครื่องพาสเจอร์ไรซ์] [เครื่องหั่นกาบมะพร้าว เครื่องปอกกาบมะพร้าวและเครื่องดึงใย] [เครื่องผสมแป้งเครื่องนวดแป้ง 2 แขน][กระทะกวนผสม 2 ชั้น กระทะกวนผสม กะทะกวนผสม กระทะกวนผสมอาหาร] [น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์] [เตาย่างไร้กลิ่นเขม่าถ่าน เตาอบขนมปัง เตาอบเค้ก เตาอบเค้กกล้วยหอม เตาอบแก๊ส เตาอบไฟฟ้า เตาอบลมร้อน เครื่องอบแห้ง เครื่องอบขนม เครื่องอบลมร้อน เครื่องทำขนม เตาอบแก๊ส เตาอบขนมปังปอนด์ เตาอบเบเกอรี่ เตาอบขนม เตาอบ gas baking oven] [เครื่องออกกำลังกาย] [กลุ่มสีมุกเหลือบพิเศษ] [เครื่องกระตุ้นนวดไฟฟ้า] [เครื่องบรรจุ เครื่องซีลปากถุง เครื่องซีลบรรจุสุญญากาศ เครื่องซีลปากถุงสุญญากาศ เครื่องบรรจุสุญญากาศ เครื่องซีลถุง เครื่องปิดปากถุง เครื่องซีลสุญญากาศ] [อื่นๆ]